ความไม่รู้ เป็นเหตุ


ความไม่รู้ เป็นเหตุให้เกิดความนึกคิดปรุงแต่งจิต ให้เกิดทุกข์

         ทุกวันนี้มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก ที่อยู่ในโลกแห่งความหลงไม่รู้ตัวคือไม่มีสติ จึงไม่รู้ทันกับสิ่งรับรู้หรือสื่อรับรู้ ที่ผ่านเข้ามากับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้รัก,ชักให้ใคร,พาใจให้ไหลหลง, ด้วยความรู้สึกยินดียินร้ายบ้าง,ความรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจบ้าง,ความรู้สึกชอบใจหรือไม่ชอบใจบ้าง, ทำให้ไปกระตุ่นความจำในจิตใต้สำนึกให้เกิดการนึกคิดปรุงแต่ง จนทำให้เราเกิดอารมณ์ว้าวุ่นใจ กังวลในใจ มีความขุ่นใจ มีจิตเศร้าหมองเป็นอกุศล ไม่สบายใจเป็นบาป ทำให้โลภบ้าง ทำให้โกรธบ้าง และทำให้หลงไป เป็นทุกข์ใจเกิดขึ้น นี้คือเหตุของความไม่รู้ตัวเพราะไม่มีสติ

ฉะนั้นเราจึงควรที่จะมีการเจริญธัมมะภาวนาอยู่เป็นประจำไว้จะเป็นการดีที่สุด เพราะจะทำให้เราเกิดสติรองรับไม่ให้จิตของเราหลงไปในบาปอกุศล การเจริญธัมมะภาวนาจึงเป็นสิ่งสมควรต่อการดำเนินชีวิตประจำวันจะทำให้เราเกิดมีความรู้ตัว อันเป็นเหตุให้เราเกิดสติรู้สกัดกั้นไม่ให้บาปอกุศลจิตเกิดขึ้น เพราะมีสติรู้ปล่อยวางไม่เกิดยินดียินร้าย ต่อการรับรู้สิ่งต่างๆหรือสื่อต่างๆที่มากับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส จิตของเราก็จะเป็นกุศลจิตมีความผ่องใส เป็นบุญคือความสบายใจ มีความสงบสุขและนิ่ง และมีความรู้ตัวต่อสิ่งที่จะกระทำ สิ่งที่จะพูด และสิ่งที่จะคิดเห็น อยู่ในสุจริตธรรม ๓ เพียรภาวนากันไว้ว่า “อย่ายินดียินร้าย.อย่าว่าร้ายใคร.อย่าคิดร้ายใคร.” ให้ได้อย่างน้อยวันละ ๓๐ ครั้ง จะทำให้เราเกิดสติได้ดี มีความสุขสงบมีจิตนิ่งอยู่กับปัจจุบันไม่เกิดทุกข์ ดังนี้.

โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทางสายกลาง

อุปสรรคของสมาธิ

หลวงปู่มั่นเล่าเรื่องพระธาตุพนม