บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2013

พระธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

พระธรรมเทศนาโดย...หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ลักษณะจิตที่หลุดพ้นนั้นมีลักษณะการหลุดพ้นต่างกัน จำแนกออกได้ 5 ประเภทคือ ๑. ตทงฺควิมุตฺติ คือ ความหลุดพ้นเป็นบางขณะ ได้แก่ ความหลุดพ้นที่เกิดจากความสงบของจิตในบางคราว หรืออาจเกิดจากการเจริญวิปัสสนาแล้วเห็นทุกข์ ทำให้จิตละสังขารเพียงบางครั้งบางคราว แต่ไม่เกิดปัญญา ไม่เกิดมรรค ที่จะทำลายกิเลสให้สิ้นไปได้ เพียงแต่ละได้ในบางครั้งบางคราวเป็นขณะ ๆ เท่านั้น ๒. วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ จิตหลุดพ้นโดยการใช้สมาธิกดข่มจิตไว้ คือ การเข้าฌาณสมาบัติ ระงับจิตจากกิเลสชั่วคราว จัดเป็นโลกียวิมุติ เมื่อออกจากฌานสมาบัติ กิเลสก็เข้าเกาะกุมจิตได้อีก เป็นความหลุดพ้นที่ไม่เด็ดขาด เพราะมรรคไม่ประหารนั่นเอง ๓. สมุจฺเฉทวิมุตฺติ จิตหลุดพ้นโดยมรรคประหารกิเลส ขาดไปจากจิต เป็นการหลุดพ้นโดยเด็ดขาด คือ กิเลสขาดไปจากจิต ได้แก่ ผู้เจริญสมถวิปัสสนาจนเกิดมัคญาณประหารกิเลสในจิต ๔. ปฏิปสฺสทฺธิวิมุตฺติ จิตหลุดพ้นด้วยความสงบ คือ จิตสงบหลุดพ้นจากกิเลสเป็นผลเกิดจากมรรคประหาร ๕. นิสฺสรณวิมุตฺติ จิตหลุดพ้นโดยแล่นออกจากสังขารธรรม เป็นวิมุตฺติของผู้เจริญวิปัสสนา มีปัญญาเห็นตามความเป็นจริง

โลกียสุขคือสุขทางโลกหาได้ยาก

โลกียสุขคือสุขทางโลกหาได้ยาก โลกุตตรสุขคือสุขทางธรรมหาได้ง่ายกว่า ทุกวันนี้ชาวโลกเราต่างแสวงหาความสุข ในรูปแบบต่างๆ ที่บางครั้งก็ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งความสุข ความสุขเช่นนี้เรียกว่าโลกียสุขคือสุขทางโลก บางคนชอบเที่ยวไปในที่ต่างๆที่ให้ความตื่นเต้น บางคนชอบกินชอบดื่ม บางคนชอบเล่นการเล่น บางคนชอบเล่นการพนัน บางคนชอบชีวิตในยามราตรี สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยความรู้สึกทางอารมณ์ของกิเลสกามมีความโลภและความโกรธครอบงำ คือความยินดียินร้าย, ความชอบใจหรือความไม่ชอบใจ, ความพอใจหรือความไม่พอใจ, เป็นเครื่องชี้นำไปสู่การแสวงหาความสุขในทางโลก ต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจกว่าจะได้มาซึ่งความสุขแต่ละครั้ง ต้องแลกด้วยปัจจัยคือเงินทองและร่างกาย จึงว่าหาได้ยาก เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่นเงินทองเวลาและสถานที่ แต่ความสุขอีกอย่างคือโลกกุตตรสุข คือสุขทางธรรม ไม่ต้องเสียอะไรเลย จะอยู่ที่ไหนๆก็สามารถทำได้ตลอดเวลา ในชีวิตประจำวันที่อยู่กับการทำงาน ในการเดินทาง หรืออยู่บ้านก็ทำได้ตลอดเวลา ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพียงมีศรัทธาความเชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น นั่นก็คือการมีความเพียรชอบอยู่ใน

อานิสงส์ของการมีสัจจะ

            มีสองตายายเขาพากันเดินจงกรมบนนอกชานเรือนตอนเดือนหงาย ไอ้ขโมยมาลักควาย นี่เรื่องตก ๓๐ ปีแล้ว สองคนตายายเดินจงกรมที่นอกชานเดือนหงาย ถ้าไม่ได้ชั่วโมงไม่เลิก ต้องได้ชั่วโมง ก็ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ช้าๆ ใครจะไปเหนือมาใต้ข้าไม่สนใจ ใครจะเรียกข้าก็ไม่รับปาก แหมเดินดี เดินจงกรมมีสัจจะว่าเดินหนึ่งชั่วโมง ความอยู่ใต้ถุน ขโมยมา ๔ คนก็มาลักควาย คนหนึ่งก็เฝ้าเจ้าของไว้ คนหนึ่งก็ไปเฝ้าทางปากตรอกไว้ คนหนึ่งตัดคอกใต้ถุนแล้วเอาควายออก มีความ ๓ ตัว ควายอ้วนๆ เอาควายไปแล้วเปิดเลย คนที่มันเฝ้าเจ้าของมันยังอยู่ สุนัขหลับหมด ไม่รู้มันใช้สะกดหรืออย่างไรเราก็ไม่ทราบ หรือดาวหมามันขึ้นเราไม่รู้ เรียนหรือเปล่าดาวหมาขึ้นลักขโมยตอนนั้น ถ้าไม่เรียนจะบอกให้เอาไหม ดาวหมาขึ้นหลับหมดเลย ลักของได้ตอนนั้นนะ อานิสงส์การเดินจงกรม ความออกนอกบ้านไปแล้ว คนที่มันเฝ้าอยู่ใต้ถุนบ้านเจ้าของดูว่าเจ้าของจะตื่นหรือเปล่า เดือนมันหงายนี่มันก็อะไรไม่รู้ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ เอ๊ะ ผีสิงหรือยังไง ก็เดินดูจนควายออกไปตั้งเยอะแล้ว ออกปากตรอกไปแล้ว เอ อะไรกัน นี่ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ขโมยที่เฝ้าคอกมันก็ถอยหลังเรื่อย มันอยา