กรรมกำหนดชีวิต

กรรมกำหนด ให้ชีวิตทุกชีวิตมีความเป็นไปทั้งสุขและทุกข์


คนเราเกิดมาทุกๆคนจะต้องพบ จะต้องเจอปัญหาชีวิตด้วยกันเกือบทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไร จะมั่งมีหรือยากจน ไม่ว่าในด้านการงาน การเงินการเรียนการศึกษา ปัญหาทางครอบครัวและญาติมิตร ปัญหาชีวิตในด้านความรักความพลัดพราก ความเจ็บป่วยด้วยสาเหตุต่างๆ ปัญหาความเป็นอยู่และอีกมากมายจนพรรณนาไม่หมด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ คนเราเกิดมาจากกรรมหรือกรรมกำหนด คือการที่เราได้กระทำกรรมไว้แล้วแต่อดีตชาติบ้าง จากปัจจุบันชาติบ้าง มาส่งผลให้ชีวิตมีความเป็นไปต่างๆนาๆ มีเกิดสุขบ้างและมีเกิดทุกข์บ้าง สิ่งที่เรากำลังเผชิญความเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้จึงเรียกว่าวิบาก ซึ่งเป็นเศษกรรมเก่ามาส่งผล(กรรมหนักเราได้ชดใช้ในนรกมาแล้ว) ถ้าเราต้องพบกับปัญหาชีวิต ดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ขอให้เราอย่าท้อถอย ขอให้เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราแม้ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย ต่างๆ ที่เราต้องเจออยู่ทุกวัน ก็ยังจัดเป็นส่วนหนึ่งของวิบากกรรมเก่า ที่เราจำต้องรับรู้อยู่ทุกวัน อันเป็นเหตุให้เราเกิดความสุขหรือความทุกข์ได้ ถ้าเราไม่ยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเราก็จะเกิดทุกข์ ถ้าเราเข้าใจและยอมรับมันอย่างมีสติ เราก็ไม่ต้องแบกทุกข์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจัดเป็นหนี้เก่า ที่เราได้ทำไว้เองแต่อดีตชาติบ้างปัจจุบันชาติบ้าง เป็นเหตุ

ดังพุทธศาสนาสุภาษิตมีกล่าวไว้ว่า

สเจ ปุพฺเพกตเหตุ สุขทุกขํ นิคจฺฉติ
โปราณกํ กต ปาปํ ตเมโส มุญฺจเต อิณํ.

ถ้าประสพสุขทุกข์ เพราบุญบาปที่ทำไว้ก่อนเป็นเหตุ
ชื่อว่าเปลื้องบาปเก่าที่ทำไว้ ดุจเปลื้องหนี้ฉะนั้น.

ปัจจุบันกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยการเจริญสติจะช่วยได้ จึงควรท่องธัมมะภาวนาไว้ในใจอยู่เสมอๆ จะทำให้เรามีสติรู้ปล่อยวางในอารมณ์ หรือรู้ปล่อยวางความรู้สึกยินดียินร้าย หรืออาการอิน ที่เป็นบาปอกุศลจิตเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เมื่อเราได้ฝึกฝนในการท่องธัมมะภาวนาไว้ตลอดเวลา ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะทำอะไรอยู่มี ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน ทำ พูด คิด ก็ยิ่งจะทำให้เราเกิดสติได้เร็วรู้ปล่อยวางได้ไว มีจิตที่บุญกุศล จะทำไม่ให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น ปัญหาชีวิตที่เราต้องเผชิญอยู่จะได้ไม่มาทำให้เราเกิดความทุกข์หนักได้ เพราะการมีสติ จะทำให้เรามีปัญญารู้พิจารณาถึงความเป็นจริงได้ ทำให้เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อชีวิต ว่าเกิดจากวิบากกรรมเก่าของเราเอง มาส่งผลให้เป็นไปต่างๆนาๆ เพราะเราเคยเป็นหนี้เค้า ดังพุทธศาสนาภาษิตที่ได้ยกมากล่าวไว้นั้น ความทุกข์ก็จะลดน้อยลงไปได้ เพราะความที่จิตมีสติ รู้ปล่อยวางในอารมณ์ไม่ยินดียินร้ายที่เป็นบาปอกุศล จิตก็จะสงบนิ่ง จิตไม่ส่งออกไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่รู้ที่เห็นมานึกคิดปรุงแต่งให้เกิดทุกข์ และจิตที่มีความเป็นกุศลธรรม ก็จะเป็นธรรมคุ้มครองตน ไม่ให้วิบากร้ายบางอย่างมาส่งผลให้กับชีวิตของเราได้ด้วย ดังนี้.

คาถาไว้บริกรรมหรือท่องธัมมะภาวนาคือ “อย่ายินดียินร้าย...อย่าว่าร้ายใคร...อย่าคิดร้ายใคร...”เพื่อให้เกิดสติรู้ปล่อยวางในอารมณ์ จะทำให้ดับทุกข์ในใจของเราได้.

โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทางสายกลาง

อุปสรรคของสมาธิ

หลวงปู่มั่นเล่าเรื่องพระธาตุพนม