โลกียสุขคือสุขทางโลกหาได้ยาก


โลกียสุขคือสุขทางโลกหาได้ยาก โลกุตตรสุขคือสุขทางธรรมหาได้ง่ายกว่า

ทุกวันนี้ชาวโลกเราต่างแสวงหาความสุข ในรูปแบบต่างๆ ที่บางครั้งก็ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งความสุข ความสุขเช่นนี้เรียกว่าโลกียสุขคือสุขทางโลก บางคนชอบเที่ยวไปในที่ต่างๆที่ให้ความตื่นเต้น บางคนชอบกินชอบดื่ม บางคนชอบเล่นการเล่น บางคนชอบเล่นการพนัน บางคนชอบชีวิตในยามราตรี สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยความรู้สึกทางอารมณ์ของกิเลสกามมีความโลภและความโกรธครอบงำ คือความยินดียินร้าย, ความชอบใจหรือความไม่ชอบใจ, ความพอใจหรือความไม่พอใจ, เป็นเครื่องชี้นำไปสู่การแสวงหาความสุขในทางโลก ต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจกว่าจะได้มาซึ่งความสุขแต่ละครั้ง ต้องแลกด้วยปัจจัยคือเงินทองและร่างกาย จึงว่าหาได้ยาก เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่นเงินทองเวลาและสถานที่

แต่ความสุขอีกอย่างคือโลกกุตตรสุข คือสุขทางธรรม ไม่ต้องเสียอะไรเลย จะอยู่ที่ไหนๆก็สามารถทำได้ตลอดเวลา ในชีวิตประจำวันที่อยู่กับการทำงาน ในการเดินทาง หรืออยู่บ้านก็ทำได้ตลอดเวลา ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพียงมีศรัทธาความเชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น นั่นก็คือการมีความเพียรชอบอยู่ในใจ ที่จะดำริชอบอยู่ในใจ ในการเจริญภาวนา ในธัมมะภาวนาว่า “ อย่ายินดียินร้าย...อย่าว่าร้ายใคร...อย่าคิดร้ายใคร...” เพื่อให้จิตของเราเกิดความรู้ตัวเอาไว้ในจิตใต้สำนึก อันเป็นเหตุให้จิตของเราเกิดสติ รู้สกัดกั้นอกุศลจิต ที่มีความโลภและความโกรธอยู่ด้วย หรือเป็นการรู้ปล่อยวางในอารมณ์ ที่ยินดียินร้าย, ที่พอใจหรือไม่พอใจ, ที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจ, เมื่อเรามีสติรู้ปล่อยวางได้แล้ว ก็จะทำให้จิตของเราเป็นกุศลจิตเป็นบุญคือความสบายใจ มีความสุข ความสงบในใจ และยังทำให้เกิดอธิศีลคือรู้ในการไม่ทำผิด มีอธิจิตคือความสงบจากกิเลสกาม มีอธิปัญญาคือรู้ในสภาวธรรม ที่จะนำไปสู่ความเป็นอริยบุคคลได้ต่อไป ดังนี้.

โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทางสายกลาง

อุปสรรคของสมาธิ

หลวงปู่มั่นเล่าเรื่องพระธาตุพนม